การพัฒนาด้านความยั่งยืน

การพัฒนางานด้านความยั่งยืนของเราดำเนินการภายใต้กรอบการทำงานของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบด้วย 3 แนวคิดหลัก ได้แก่ acting progressively, consuming responsibly และ focusing on people ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ทำให้เกิดการต่อยอดเป็นกิจกรรมที่หลากหลายครอบคลุมเป้าหมายกว่า 13 ประการ โดยคำนึงถึงมิติด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งจะสามารถสะท้อนออกมาเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มไปพร้อมกับการดำเนินธุรกิจอย่างเหมาะสมภายใต้สถานการ์ณและความเปลี่ยนแปลงต่างๆ

สิ่งแวดล้อม

เราให้ความสำคัญกับการบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ (Consuming Responsibly) เพราะเราต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในการบริโภคและการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นเราจึงต้องรู้จักใช้ทรัพยากรเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการจัดหาวัสดุ การจัดการและการใช้ในตลอดสายห่วงโซ่อุปทาน พร้อมด้วยการพัฒนาการออกแบบเชิงนิเวศน์เศรษฐกิจ การจัดการด้านพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิการใช้และใช้พลังงานหมุนเวียน การจัดการของเสีย โดยการป้องกันการเกิด ลดปริมาณ และการนำกลับมาใช้ และภายใต้การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน

ด้านสังคม

เรามุ่งเน้นให้ความสำคัญกับคน (Focusing on People) การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพต้องเชื่อมโยงกับชุมชน ค่านิยมทางสังคม และคนรอบข้าง การดูแลพนักงาน ลูกค้า และชุมชน ให้มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างสมดุล มีอาชีวอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและผู้นำ สร้างวัฒนธรรมการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อประสิทธิผลด้านความคิดสร้างสรรค์ ทางนวัตกรรม ก่อเกิดผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น ทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้คนซึ่งมีความแตกต่างหลากหลาย และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของทุกคนภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน

ด้านบรรษัทภิบาล

เรามุ่งมั่นดำเนินการอย่างก้าวหน้า (Acting Progressively) ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ โดยการปรับปรุงกระบวนการที่เกี่ยวข้องควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรม เพื่อพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์บริการของเราด้วยความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในสายห่วงโซ่อุปทาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลักธรรมาภิบาล คุณธรรมและจริยธรรมทางธุรกิจ เพื่อสามารถปรับตัวได้สอดคล้องตามสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

Highlight Projects

การรับรองเป้าหมายระยะสั้นโดย SBTi
บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายระยะสั้นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42% ภายในปี 2573 เทียบจากปีฐาน (ปี 2564) ซึ่งได้รับการตรวจสอบและผ่านการรับรองการตั้งเป้าหมายโดย The Science Based Targets Initiative (SBTi) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567
เป้าหมายระยะสั้นดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนบริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
Renewable Energy Project
โครงการ Low Emission Support Scheme (LESS)
บริษัทฯ ริเริ่มโครงการ Low Emission Support Scheme (LESS) ที่ให้ความสำคัญกับการปลูกต้นไม้ เช่น แคนา หว้า อินทผาลัม จามจุรี โมกมัน และจิกน้ำ เป็นต้น ตามเกณฑ์ 6 ประการที่กำหนดโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (the Thailand Greenhouse Gas Management Organization: TGO) ใน 3 โครงการบ้าน ได้แก่ เดอะ แกรนด์ แจ้งวัฒนะ-เมืองทองฯ เดอะ แกรนด์ ปิ่นเกล้า-วงแหวนกาญจนา และแกรนดิโอ สาทร และมีการปลูกต้นไม้มากกว่า 3,000 ต้น ซึ่งทำให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้นและส่งเสริมการอนุรักษ์ระบบนิเวศในพื้นที่โครงการดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้สำคัญกับการดูแลรักษาต้นไม้ที่ปลูกไว้ ตลอดจนมีการเก็บข้อมูลต้นไม้ เช่น ขนาด และปริมาณการชดเชยคาร์บอน เป็นต้น (Carbon Offset) โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้รับใบประกาศเกียรติคุณจาก TGO ที่ระบุว่าต้นไม้กว่า 413 ต้น ในโครงการนี้ได้ช่วยกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้ 73.66 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นปริมาณที่คิดจากวันที่เริ่มปลูกต้นไม้ถึง 4 สิงหาคม 2567
Green Building Certification
การรับรองอาคารเขียวโดย LEED
ในฐานะผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทฯ มุ่งมั่นในการผนวกการลงทุนอย่างรับผิดชอบและปัจจัยด้านความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาอาคารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ทนทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED สำหรับ 4 อาคาร ได้แก่ อาคาร Silver Oak (Central) อาคาร Jasper BP7 W1 อาคาร Jasper BP7 W2 และอาคาร Jasper BP7 W3
FPT Build to Zero Together 3
FPT Build to Zero Together 3
กิจกรรมมิตรให้โลหิต ต่อชีวิตให้กัน
บริษัทฯ ร่วมมือกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ในการดำเนินกิจกรรมมิตรให้โลหิต ต่อชีวิตให้กัน ทุกไตรมาส โดยการดำเนินการในปีนี้ถือว่าเป็นการดำเนินการปีที่ 4 โดยกิจกรรมครั้งล่าสุดจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ระหว่างวันที่ 9 – 10 กันยายน 2567 ณ อาคารสามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งมีปริมาณโลหิตบริจาคสูงถึง 571,950 ซีซี และมีจำนวนผู้บริจาคโลหิตสูงถึง 1,271 คน ซึ่งเป็นพนักงานของบริษัทฯ ลูกค้าในอาคารสามย่าน มิตรทาวน์ และประชาชนที่มีสุขภาพแข็งแรง ส่งผลให้ปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถจัดหาโลหิตได้แล้วถึง 6,703,900 ซีซี ซึ่งเป็นยอดรวมตลอดทั้งโครงการนับตั้งแต่ปี 2563 นอกจากนี้ ยังพบว่ากิจกรรมนี้มีผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนสูงถึง 4.5 เท่า กล่าวคือ การลงทุนในโครงการ 1 บาท จะสร้างผลตอบแทนทางสังคม 4.5 บาท
FPT Build to Zero Together 3
FPT Build to Zero Together 3
รถเข็นแสงสว่างจากพลังงานไฟฟ้า
บริษัทฯ พัฒนารถเข็นแสงสว่างจากพลังงานไฟฟ้าจากไอเดียนวัตกรรมของพนักงานในช่วงการประชุมระดมสมอง ที่มีการติดไฟสปอร์ตไลท์ LED 200W และโซล่าเซลล์สำหรับการผลิตพลังงานทดแทน ทำให้รถเข็นประกอบไปด้วยระบบการทำงาน 2 อย่าง คือ 1) เพื่อให้ระบบแสงสว่าง และ 2) ระบบโอโซนและ-หลอดไฟยูวีทำงาน ซึ่งมีการนำรถเข็นดังกล่าวไปใช้งานจริงที่ดังกล่าวที่อาคารสีลมเอจและอาคารสามย่าน มิตรทาวน์ คิดเป็นสัดส่วน 3% ของจำนวนอาคารทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อลดการใช้พลังงานและอำนวยความสะดวกสำหรับการทำความสะอาดในช่วงกลางคืน
ระบบแสงสว่างจากพลังงานทดแทนช่วยลดการใช้ไฟในพื้นที่ส่วนกลางและห้องน้ำ ซึ่งช่วยลดการใช้ไฟฟ้าประมาณ 9,860 กิโลวัตต์-ชั่วโมง หรือ 9.86 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานประมาณ 47,550 บาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4,930 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี นอกจากนี้ ระบบโอโซน-หลอดไฟยูวียังช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไวรัส และแบคทีเรียที่อาจเกิดจากการทำความสะอาด
FPT Build to Zero Together 3
FPT Build to Zero Together 3

Sustainability Goals

กรอบการพัฒนาด้านความยั่งยืน

สร้างโอกาสอย่างต่อเนื่อง
ใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ
การเข้าถึงความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
นวัตกรรม
ส่งเสริมวัฒนธรรมในการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยสร้างคุณค่าและเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางธุรกิจ
ทรัพยากรและห่วงโซ่อุปทาน
บรรลุการบริหารจัดการที่ยั่งยืนและการเลือกใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ชุมชนสัมพันธ์
ให้ความสำคัญกับหลักการสร้างคุณค่าทางสังคมเพื่อชุมชนที่ยั่งยืน
นวัตกรรม
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อความยั่งยืน รวมถึงความชอบและพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งหากบริษัทฯ ไม่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมรุนแรงขึ้น หรือมาตรการบรรเทาผลกระทบที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงมุ่งผนวกการประยุกต์ใช้นวัตกรรมเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า อีกทั้งยังส่งเสริมวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมในกลุ่มพนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจ
75
หลักสูตรส่งเสริมความรู้ด้านนวัตกรรมสำหรับพนักงานในปี 2567
8,301
ชั่วโมงการเรียนรู้
ด้านนวัตกรรมในปี 2567
3
ไอเดียนวัตกรรมในปี 2567 ซึ่งเป็นไอเดียจากพนักงาน
ทรัพยากรและห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจส่งผลกระทบต่อแนวทางการใช้ทรัพยากรและอาจทำให้ผลิตภัณฑ์และบริการสร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และทราบดีว่าคู่ค้ามีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตและความสำเร็จของธุรกิจ ในการนี้ บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของกระบวนการผลิตภัณฑ์และการจัดซื้อวัสดุที่ได้คุณภาพตามมาตรฐานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยนำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมาเป็นเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกและบริหารคู่ค้า ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างมีความรับผิดชอบ
100%
ของคู่ค้าใหม่ต้องลงนามรับทราบนโยบายฯ และตอบแบบประเมินด้านความยั่งยืนของคู่ค้า (VAS) ภายในปี 2573
45%
ของคู่ค้าลงนามรับทราบนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างอย่างรับผิดชอบ (RSP) ในปี 2567
45%
ของคู่ค้ารายสำคัญเข้าร่วมการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพคู่ค้าในปี 2567
ชุมชนสัมพันธ์
ชุมชนและลูกค้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญของธุรกิจและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ ชุมชนและลูกค้ามักให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสินค้า บริการ และการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของธุรกิจที่นำไปสู่การมีส่วนร่วมของธุรกิจในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มากขึ้น บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ความต้องการ และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย โดยเฉพาะชุมชนโดยรอบ ลูกค้า และผู้เช่า เพื่อมุ่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียผ่านกิจกรรมพัฒนาชุมชนและกิจกรรมสำหรับลูกค้า
2.38
ล้านบาท
มูลค่าการลงทุนทางสังคมในปี 2567
89%
ความพึงพอใจเฉลี่ยของลูกค้าในปี 2567
3,297
ชั่วโมง
ที่พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม
6.7
ล้านซีซี
ปริมาณโลหิตสะสมที่ส่งต่อให้กับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาติไทย
ความยืดหยุ่นและการปรับตัวทางธุรกิจ
ส่งเสริมให้เกิดความยืดหยุ่นและสร้างความสามารถในการปรับตัวต่อภูมิอากาศ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศผ่านการพัฒนาที่ยั่งยืน
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
สร้างความเชื่อมั่นในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ความสมดุลในการทำงาน และสภาพแวดล้อมชุมชนที่ดี
ความยืดหยุ่นและการปรับตัวทางธุรกิจ
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าการพัฒนาอาคารให้สามารถรับมือกับสภาพอากาศร้อนจัดและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจ ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ มุ่งพัฒนาอาคารที่มีความยืดหยุ่นให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและนำกลยุทธ์ในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศมาปรับใช้ พร้อมกับให้ความสำคัญกับการแสวงหาโอกาสในการสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทฯ ในการเป็นองค์กรที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนอยู่เสมอ
100%
โครงการพัฒนาอาคารใหม่ทั้งหมดมีการประเมินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและจัดทำแนวทางบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องเป็นมาตรฐาน
The Science Based Targets Initiative (SBTi)
ตรวจสอบและรับรองการตั้งเป้าหมายระยะสั้นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42% ภายในปี 2573 เทียบจากปีฐาน (ปี 2564) ของบริษัทฯ
ความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสนับสนุนการฟื้นฟูระบบนิเวศให้กลับสู่สภาพปกติ  รวมถึงสนับสนุนเสถียรภาพของถิ่นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์และความพร้อมของทรัพยากร ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญของความยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยระบุข้อกำหนดภายในเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น การไม่ปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดิน การส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้ และการหลีกเลี่ยงการตัดไม้ทำลายป่า พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อความหลากหลายทางชีวภาพในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าสินทรัพย์และโครงการทั้งหมดของบริษัทฯ สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และชุมชนโดยรอบได้อย่างกลมกลืน
14%
ของพื้นที่โครงการสร้างใหม่ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยเป็นพื้นที่สีเขียวในปี 2567
ไม่มี
โครงการสร้างใหม่ของบริษัทฯ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติ
850 ต้น
ที่ปลูกในพื้นที่โครงการสร้างใหม่ของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยในปี 2567
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
ประเด็นสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดียังคงเป็นข้อกังวลสำคัญของหลายภาคส่วน เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนเผชิญกับปัญหาและเหตุการณ์ใหม่ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงและปัญหาด้านสุขภาพที่เคยเจอและไม่เคยเจอมาก่อน ในการนี้ บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมาอย่างสุดความสามารถ เนื่องจากบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่มีกิจกรรมการก่อสร้างและการบริหารจัดการอาคาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดความท้าทายด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยหลายประการ
66%
ระดับความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร
ไม่มี
การเสียชีวิตที่เกิดจากการทำงานของทั้งพนักงานและผู้รับเหมา ในปี 2567
26 หลักสูตร
การอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับพนักงานในปี 2567
การบริหารจัดการความเสี่ยง
มีการประเมินที่ครอบคลุมการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และสังคม
พลังงานและคาร์บอน
เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดการปล่อยคาร์บอน
ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม
เสริมสร้างวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมและความหลากหลายในองค์กรเพื่อผลักดันความก้าวหน้าขององค์กร
การบริหารจัดการความเสี่ยง
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นฟันเฟืองสำคัญในการลดผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า รวมถึงช่วยเสริมสร้างความสามารถของบริษัทฯ ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ดังนั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและโอกาส โดยเน้นย้ำเรื่องความชัดเจนและความโปร่งใสในนโยบายและกระบวนการภายในของบริษัทฯ ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงที่องค์กรอาจเผชิญ ให้มั่นใจว่าบริษัทฯ ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
3,020
ชั่วโมงการเรียนรู้
เกี่ยวกับจรรยาบรรณและการกำกับดูแลกิจการที่ดีในปี 2567
100%
ระบบโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรได้รับการตรวจสอบและทดสอบอย่างครบถ้วน ซึ่งครอบคลุมระบบการดำเนินกิจการ
2,103
ชั่วโมงการเรียนรู้
เกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์ในปี 2567
พลังงานและคาร์บอน
บริษัทฯ ทราบดีว่า กิจกรรมทางธุรกิจที่มีการใช้พลังงานหรือเชื้อเพลิงเพื่อการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและการพัฒนาเมืองอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ในการนี้ บริษัทฯ มุ่งใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในทุกกิจกรรมทางธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า อีกทั้งกำหนดแผนงานการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการเป็นบริษัทที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 พร้อมกับกำหนดเป้าหมายระยะสั้นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42% ภายในปี 2573 เทียบจากปีฐาน (ปี 2564) ซึ่งได้รับการตรวจสอบและผ่านการรับรองการตั้งเป้าหมายโดย The Science Based Targets Initiative (SBTi) เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567
2%
ของก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 ลดลง เทียบกับปีฐาน 2564
31%
ของก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 3 ลดลง เทียบกับปีฐาน 2564
16%
ของปริมาณการใช้พลังงานต่อพื้นที่ลดลง เทียบกับปีฐาน 2564
1,241.33
เมกะวัตต์-ชั่วโมง
พลังงานทดแทนใช้ในองค์กรในปี 2567
ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม
บริษัทฯ รับทราบดีว่าบริษัทฯ ต้องดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจด้วยความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน เพราะสิทธิมนุษยชนเป็นหลักสำคัญของการเป็นมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเช่นกัน บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน และจัดให้มีการเยียวยาแก่ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
ไม่มี
ข้อร้องเรียนที่มีนัยสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน ในปี 2567
ไม่มี
ข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ ในปี 2567
39%
ของผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิง ในปี 2024
การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ
บูรณาการเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลในการประเมินและตัดสินใจด้านการลงทุน
ของเสีย
ลดการเกิดของเสียอย่างยั่งยืนด้วยการป้องกันการเกิดของเสียและหลัก 3Rs ได้แก่ ลดการใช้ (Reduce) นำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) และการใช้ซ้ำ (Reuse)
ทักษะและความเป็นผู้นำ
พัฒนาโปรแกรมที่สนับสนุนประสิทธิภาพการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณค่าสูง
การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าในปัจจุบันธุรกิจต้องพัฒนากลยุทธ์การลงทุนใหม่ๆ เพื่อปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจและกระบวนการตัดสินใจ เนื่องจากธุรกิจกำลังเผชิญกับความเสี่ยงและผลกระทบจากปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งการพัฒนาอาคารที่ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอาจทำให้ธุรกิจสามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้เช่าที่มีความสนใจในอาคารเขียว ตลอดจนผู้ที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการใช้พื้นที่อาคารประหยัดพลังงาน ในฐานะผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทฯ มุ่งมั่นในการผนวกการลงทุนอย่างรับผิดชอบและปัจจัยด้านความยั่งยืนเข้ากับกลยุทธ์การตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาอาคารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ทนทานและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
100%
ของอาคาสร้างใหม่ได้รับการรับรองหรือเข้าร่วมการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว
67%
ของอาคารทั้งหมดภายใต้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรมและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม ได้รับการรับรองหรือเข้าร่วมการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว
4
โครงการใหม่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวในปี 2567
ของเสีย
บริษัทฯ ทราบดีว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการดำเนินกิจกรรมตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงการบริหารจัดการอาคารและทรัพย์สินถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างของเสียและขยะจำนวนมาก ซึ่งอาจสร้างมลพิษและส่งผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ และตระหนักดีว่ากิจกรรมทางธุรกิจของบริษัทฯ สามารถก่อให้เกิดขยะได้จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะตลอดห่วงโซ่คุณค่า
9.4%
อัตราการนำของเสียกลับไปใช้ประโยชน์และนำกลับมาใช้ซ้ำในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรมและสำนักงานใหญ่ในปี 2567
64%
ปริมาณของเสียลดลงต่อพื้นที่ เทียบกับปีฐาน 2564
ทักษะและความเป็นผู้นำ
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าหากไม่มีการพัฒนาทักษะและความสามารถของพนักงาน อาจทำให้พนักงานไม่สามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานในแต่ละกิจกรรมทางธุรกิจให้ทันแนวโน้มของตลาดและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้พนักงานเกิดความเครียดจากการทำงาน ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพนักงานและการกระทำที่ทำผิดกฎหมาย
21.23
ล้านบาท
เงินลงทุนทั้งหมดสำหรับการอบรมพนักงาน
79
ชั่วโมง/คน/ปี
ชั่วโมงการอบรมเฉลี่ยของพนักงานในปี 2567
26,220
ชั่วโมง
อบรมด้านความยั่งยืนที่จัดให้แก่พนักงานทั้งหมด ในปี 2567
ทรัพยากรน้ำ
เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรน้ำและการหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่อย่างปลอดภัย
ทรัพยากรน้ำ
บริษัทฯ ตระหนักดีว่าทรัพยากรน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อกิจกรรมทางธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ แต่ในขณะเดียวกัน กิจกรรมทางธุรกิจก็อาจสร้างผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำ โดยอาจก่อให้เกิดการใช้น้ำในปริมาณมากที่นำไปสู่การขาดน้ำในพื้นที่หรือข้อพิพาทกับชุมชนโดยรอบ ดังนั้น บริษัทฯ มุ่งมั่นอนุรักษ์ดูแลแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยดำเนินโครงการเพื่ออนุรักษ์น้ำ และใช้น้ำอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดตลอดห่วงโซ่คุณค่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการใช้น้ำเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว ซึ่งหมายรวมถึงชุมชนโดยรอบโครงการ
18%
ปริมาณการใช้น้ำลดลงต่อพื้นที่ เทียบกับปีฐาน 2564
388,145
ลูกบาศก์เมตร
ที่นำกลับมาใช้ใหม่/ใช้ซ้ำ ในปี 2567*

*รวมปริมาณน้ำที่นำกลับไปใช้ซ้ำในโครงการ และปริมาณน้ำที่นำกลับไปใช้ซ้ำในครัวเรือนของลูกบ้านในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย

รางวัลด้านความยั่งยืน

Global Real Estate Sustainability Benchmark (GRESB) 2020-2024:
  • A-Level Rating of Sustainability Disclosure
  • 2 Stars Rating for Standing Investment
Stock Exchange of Thailand ESG Ratings 2024: AA level
Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2020-2024: CGR 5 stars "Excellent"
TRIS Rating 2024: A
ดูข้อมูลเพิ่มเติม

กิจกรรมด้านความยั่งยืน

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จ เป็นบริษัทอสังหาฯ รายแรกของไทยที่ผ่านการรับรองการตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกระยะสั้นจาก SBTi เดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero Carbon
อ่านเพิ่มเติม
FPT ยืนหนึ่งด้านความยั่งยืน ย้ำความเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ติดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings และมาตรฐานสากล GRESB เป็นปีที่ 5 พร้อมได้รับการรับรองการตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกระยะสั้นจาก SBTi เป็นรายแรกของอุตสาหกรรม
อ่านเพิ่มเติม
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย คว้ารางวัลบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเอเชีย พิสูจน์ศักยภาพธุรกิจที่โดดเด่นด้วยความสำเร็จจากเวที ACES Awards 2024
อ่านเพิ่มเติม
ดูข้อมูลเพิ่มเติม

ติดต่อตัวแทนของเรา